การให้ของขวัญไม่อาจทดแทนค่าของเวลาที่ “พ่อแม่ลูก” ได้อยู่ร่วมกันได้ และไม่ควรซื้อสิ่งของใดๆ มาชดใช้เวลาที่พ่อแม่จะต้องมีให้กับลูก
การมีเวลาที่จะ สร้างรอยยิ้มให้แก่ลูก นั้น มันมีค่ามากกว่าสิ่งของที่พ่อแม่คิดว่าทดแทนได้ครับ
และนี่คือคำพูดของเด็กต่างประเทศคนหนึ่งจากหนังสือที่ผมได้อ่านครับ…
“ผมรู้ว่าพ่อรักผมมาก แต่ผมคงไม่รู้จักพ่อดีเท่าไรนัก ผมเข้าใจว่า พ่อต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูพวกเรา แต่เราแทบจะไม่มีเวลาคุยกันเลย ผมรู้สึกราวกับว่ามีสิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปในชีวิตผม…”
จากข้อมูลของการสำรวจครั้งแล้วครั้งเล่า แสดงให้เห็นว่าเด็กๆ ชอบอยู่ใกล้ชิดทั้งพ่อและแม่ ทั้งๆ ที่อยู่เฉยๆ ก็ตาม ลูกๆ ทุกคนต้องการเวลาจากพ่อแม่จนถึงช่วงก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ด้วยความรักและความใกล้ชิดที่เขาควรจะได้
พ่อแม่ในปัจจุบันอาจใช้เวลาไปกับการทำงานมากกว่าแต่ก่อน ดังนั้นจึงเหลือเวลาให้กับที่บ้านและครอบครัวน้อยลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเด็กทุกคนครับ เด็กๆ อาจจะไม่รู้จักให้ความรักและเป็นฝ่ายให้ความรักกับใครก่อน หรืออาจขาดศรัทธาในตัวเองได้ ทั้งหมดนี้เกิดจากการไม่เอาใจใส่ต่อเด็กของพ่อแม่เท่าที่ควรครับ
หากพ่อแม่ไม่ได้อยู่ร่วมกัน ก็ควรพยายามที่จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับลูกนะครับ ว่าจะมาหาเขาเมื่อไหร่ แล้วควรปลีกเวลามาอยู่กับเด็กอย่างสม่ำเสมอนะครับ
“คุณพ่อคุณแม่ครับ… ควรสละเวลาสักนิด เพื่อให้ความสนใจในตัวลูก และใช้ ‘เวลาคุณภาพ’ ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แม้มันจะเป็นเวลาอันน้อยนิด ก็เท่ากับพ่อแม่ได้ช่วยเสริมความมั่นใจและความสำเร็จของชีวิตลูกแล้วหละครับ…”
ขอบคุณที่มา : Elizabeth Hartley-Brewer / Self-Esteem for boys.