เคยไหม… ที่ส่งลูกแล้วลูกร้องตามไม่ยอม
จะหาแม่ หาพ่อ จนจิตตก… กลัวลูกโน่นนี่นั่น
เป็นกันบ้างไหม?…
เด็กวัย 2-4 ปีนี้ อยู่ในวัยการพลัดพราก จะงอแง ร้องไห้ ไม่อยากไปโรงเรียน ผมได้รับจากหนังสือที่ทางโรงเรียนที่แจกให้ผู้ปกครอง เป็นเอกสารประกอบการปฐมนิเทศ ผมได้เปิดอ่านและคิดว่าน่าจะนำมาแบ่งปันกันครับ มีอยู่ว่า…
มีเด็กคนหนึ่งซึ่งย่างเข้าภาคเรียนที่ 2 แล้วยังร้องไห้ไม่หาย เมื่อสังเกตก็พบว่า ในตอนเช้าคุณแม่ไม่ยอมจาก แม้กระทั่งลูกเดินเข้ามาอยู่ในบริเวณโรงเรียน กำลังเดินจูงมือกับคุณครูเพื่อจะไปเข้าห้องเรียน คุณแม่ก็ยังเลาะริมรั้วโบกมือ ล่ำลาลูก พร้อมทั้งพยายามบอกลูกว่า เย็นนี้แม่จะซื้อขนมข้าวต้มมัด (ที่ลูกชอบ) ไว้ให้นะ ขอให้เป็นเด็กดีนะ
การล่ำลายืดเยื้อเช่นนี้ จะทำให้เด็กเข้าใจว่าผู้ปกครองไม่อยากทอดทิ้งลูก
ไม่อยากให้ลูกอยู่ในโรงเรียน ซึ่งก็ตรงกับใจลูกเพราะอยู่ในโรงเรียนถึงแม้จะสนุกเพียงใดก็ย่อมไม่ได้รับการตามใจ เขาเป็นหนึ่งไม่ได้ตลอด ต้องแบ่งปันทุกอย่างกับเพื่อนๆ
ในกรณีเช่นนี้การงอแงร้องไห้ของลูกมีสาเหตุมาจากการปรับตัวไม่ได้ของแม่ อันส่งผลต่อการปรับตัวของลูก แต่เมื่อได้พบพูดคุยกับแม่ แม่ก็ได้ปรับเปลี่ยนท่าทีใหม่ ทุกอย่างก็ดูดีขึ้น
โดยปกติเด็กจะใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับโรงเรียนและหยุดร้องไห้งอแงประมาณ 4-8 สัปดาห์ ถ้าหากสภาพแวดล้อมเป็นใจ พ่อแม่ชื่นชมในการไปโรงเรียนของลูก แสดงความดีใจที่ลูกมีเพื่อน สนทนากับลูก เป็นมิตรกับครูและโรงเรียน ชมเชยความก้าวหน้าของลูกให้ลูกได้ยินลูกซึ่งมีวัยเพียงน้อยนิด
ก็สามารถมองเห็นคุณค่าของโรงเรียน ยอมรับความสำคัญของการมาโรงเรียน บวกกับความสัมพันธ์อันอบอุ่นที่ครูมีต่อตัวเขาเอง เขาก็จะปรับตัวได้ และนับเอาเป็นหน้าที่หนึ่งที่เขาจะต้องกระทำ
แต่เด็กแต่ละคนก็มีความแตกแตกต่างกัน บางคนอาจจะปรับตัวได้รวดเร็ว บางคนอาจจะปรับตัวได้ช้า ต้องการเวลามากกว่าคนอื่น ทั้งนี้ครูและพ่อแม่ต้องเข้าใจและให้เวลาแก่เขา
จากในคู่มือเล่มนี้ได้กล่าวว่า มีกุมารแพทย์ท่านหนึ่งเคยเล่าว่า ลูกร้องไห้จนหมดภาคเรียนที่ 1
พอถามว่าลูกร้องไห้ทำไม ไม่อยากไปโรงเรียนหรือ
ลูกตอบว่า “ก็ร้องไห้ไปอย่างนั้นแหละ”
ลูกคนนี้จะร้องไห้ทุกเช้าแต่ก็ไปเรียนทุกวัน พอไปถึงโรงเรียนก็หยุด เช่นนี้ก็มี จึงไม่อยากให้พ่อแม่กังวลในการร้องให้ของลูกมากนัก แต่อย่างไรก็ดีควรมีการบอกให้ลูกรู้ว่า ลูกต้องไปโรงเรียน พ่อและแม่ต้องไปทำงาน ตอนเย็นเราจะเจอกันอีกเช่นเคยครับ