วันที่แรกที่ลูกผมเข้าโรงเรียนอนุบาลผมจำได้ดี (2 ขวบ 8 เดือน) เราสองคนกังวลมากในวันแรกที่ลูกต้องเข้าโรงเรียนอนุบาลแห่งแรกในชีวิตของเขา เพราะเราคิดว่าลูกน่าจะต้องร้องไห้จนไม่ยอมไปโรงเรียนเป็นแน่ๆ ต้องชักดิ้น ชักงอ จากที่ผมเคยเห็นเด็กอื่นๆ เป็น
ดังนั้นผมกับภรรยา จึงคิดว่าเราควรจะให้ลูกได้ชินกับสถานที่ใหม่ก่อนน่าจะเป็นการดี และเราก็ได้ตกลงกันที่จะใช้วิธีเดียวกับที่ทางโรงเรียน คือ ให้ไปเข้าเรียนแบบเตรียมอนุบาลก่อน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การเข้าค่ายอนุบาล 2 อาทิตย์แรก ซึ่งจะไม่ต้องใส่ชุดนักเรียนให้ดูแตกต่างกับที่เคยเป็น
ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดี ที่ลูกจะได้ค่อยๆ ปรับตัวไปพร้อมๆ กับเรา ที่จะต้องตื่นแต่เช้าและปรับพฤติกรรมการเป็นอยู่เสียใหม่ เพราะต้องบริหารเวลา อาบน้ำ กินข้าว ขับรถไปส่งที่โรงเรียน และอยู่กับลูกสักพักที่โรงเรียน จนกระทั่งไปส่งลูกที่ห้องเรียน และลุ้นว่า… ลูกจะร้อง ไม่ร้อง
ผมโชคดีที่น้องพอร์ชไม่ร้องไห้ตามพ่อตามแม่ แถมยังชอบเล่นสนุก ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนๆ และคุณครูเป็นอย่างดี แต่… คุณครูได้บอกกับพวกเราว่า…
ต้องคอยดูๆ ไป เพราะเด็กอาจจะมาร้องไห้่หนักมาก เอาเดือนหน้าหรือทีหลังก็เป็นได้ ถ้าลูกร้องไห้ก่อนตั้งแต่ทีแรก จะเอาอยู่ง่ายกว่ามาร้องทีหลังแล้วร้องไห้ยาวเลย อย่างไม่หยุด ซิ…
พอถึงวันเปิดเทอมอย่างเป็นทางการแล้วหละนะ วันแรกจะเป็นอย่างไร?…
ผมรู้สึกชื่นชมในตัวลูกชายคนนี้มากครับ เพราะเค้าจะตื่นมาพร้อมๆ กับผมและภรรยา เพื่อรีบให้ผมพาเขามาอาบน้ำ ป้อนข้าว และพวกเราก็ขับรถมาส่งลูกถึงหน้าโรงเรียนกันอย่างชดชื่นทุกเช้าก่อนเข้าเรียนในวันแรกๆ
จากนั้นเราก็พาลูกมาตรวจสุขภาพประจำวันกับคุณครูเวร แล้วพาลูกไปเล่นที่สนามเด็กเล่น ก่อนจะส่งขึ้นชั้นเรียนให้ถึงมือคุณครู หลังจากนั้นผมก็เดินควงแขนกับภรรยา ลงมาที่รถอย่างมีความสุขและแยกย้ายกันไปทำงานกัน
พอตกเย็นเราทั้งสองก็ได้นัดกันว่าใครจะมารับลูกกลับบ้านดี ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผมครับ เพราะผมพอมีเวลาว่างบ้างแล้วครับ และได้มีโอกาสแบ่งปันน้ำใจ รับเพื่อนสนิทน้องพอร์ชกลับมาด้วยกัน เพราะกลับบ้านทางเดียวกัน
ครับ… จากวันแรกจนถึงวันนี้ลูกชายผม ชอบเครื่องแบบนักเรียนมากๆ ครับ จนกลับถึงบ้านแล้วยังไม่ยอมให้ผมถอดชุดนักเรียนออกเลยครับ
น้องพอร์ช… ชอบเครื่องแบบก็ไม่บอกพ่อเลยนะครับ ส่วนแม่เงาะออมยิ้มชอบใจใหญ่ ที่ลูกชายชอบชุดนักเรียนไม่ยอมถอดง่ายๆ อ่ะครับ